|
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #154 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:26:41 » |
|
หนึ่งกำลังใจยามค่ำคืนค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกๆข้อมูลที่นำมาแบ่งปันค่ะ ขอให้มีความสุขกับช่วงเวลาของการพักผ่อนนะคะ สวัสดีค่ะ น้องมี่ ขอบคุณสำหรับกำลังใจดี ดี ที่มีให้ บ้านปริศนาเทวดา มากๆค่ะ ขอให้โชคดี มีความสุข ทุกๆเวลานะคะ

|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #164 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:32:58 » |
|
สวัสดีค่ะ
กำลังใจดีๆ มีให้เสมอค่ะจากใจ yada ค่ะ ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลตัวเลขนะคะ ขอให้โชคดี มีความสุข ทุกๆวัน ทุกๆเวลา ทุกๆนาทีค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ@ yada @ ขอบคุณสำหรับกำลังใจดี ดี ที่มีให้ บ้านปริศนาเทวดา มากๆค่ะ ขอให้โชคดี มีความสุข ทุกๆเวลานะคะ

|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #174 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:40:16 » |
|
ขออานิสงส์ บังเกิดแก่ผู้อ่าน และผู้ส่งต่อ
มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ 1. นั่งสมาธิ อย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้) อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล
2. สวดมนต์ ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา พระคาถาชินบัญชร พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง
3. ถวายยารักษาโรคให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์ อานิสงส์ - -- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา
4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า อานิสงส์--- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์
5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน อานิสงส์--- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน
6. สร้างพระถวายวัด อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป
7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์ หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา จิตเป็นกุศล
8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง
9. ปล่อยปลา ที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ อานิสงส์ --- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส เป็นอิสระ
10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ อานิสงส์ --- ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม
11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม) อานิสงส์ --- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน
12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8 อานิสงส์ --- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา
อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์ 1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย 2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น 3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์มโหดเครียดแค้นในใจลงได้ 4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย 5. มีอายุมั่นขวัญยืน 6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง 7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล 8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน 9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ 10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ
อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้ 1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ 2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ 3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม 4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย 5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ 6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ ( เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน 7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป 8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช 9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง 10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนก ทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้า สามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ
อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร ) 1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา 2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย 3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย 4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป 5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา 6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต 7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา 8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ 9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย 10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการให้คนได้บวช
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับ จงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็น ทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพ ทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ
*** ส่งต่อก็ได้บุญ การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง
ขอบคุณน้องเป็ดน้อย แห่ง หวยซอง.net ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #175 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:40:47 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #177 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:41:56 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #178 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:45:37 » |
|
เพลงรอยไถแปร นี่เพราะดีมีความหมายเข้าท่านะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 มิถุนายน 2013, 15:49:23 โดย ♥$♥ ไพลิน ♥$♥ »
|
|
|
♥$♥ ไพลิน ♥$♥
สมาชิกพิเศษ
Diamond Hero C9
พลังน้ำใจ: 17193
ออฟไลน์
กระทู้: 56,522
|
 |
« ตอบ #179 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2013, 15:45:57 » |
|

คงหายข้องค้างคาใจกันนะ เทียนหนัก5บาททำได้แค่ตัวนี้ตัวเดียว ส่วนอันนี้ใช้เทียนหนัก1บาท ผมเป็นคนชอบพิสูจน์อะไรที่เคยได้แล้วต้องหาอันเล็กๆมาทำบ้างจะได้เลขไทยไหม
ธรรมจักรมีกำ 8 ซี่ หมายถึงอริยมรรคมีองค์ 8 ในทางพระพุทธศาสนา
ความหมายของ"ธรรมจักร " รูปภาพด้านบนเป็นรูปพระพุทธเจ้าปางแสดงปฐมเทศนาพระสูตรที่ทรงแสดง คือ ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
........ธรรมจักรหมายถึงวงล้อแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงหมุน เพื่อเผยแผ่พระธรรมที่ทรงตัรสรู้เพื่อให้พุทธศาสนิกชน นำไปปฏิบัติให้พ้นทุกข์ ธรรมะที่ทรงแสดงในธรรมจักรกัปปวัตนสูตร คือ การเดินทางสายกลางไม่ยึดติดในตัวสุดโต่งสังขารปรุงแต่งดี-ชั่ว ,บุญ-บาป, สุข-ทุกข์, อดีต-อนาคต ฯลฯ เพื่อดำเนินสู่การประจักษ์แจ้งด้วยกิจ ๓ แห่ง อริยสัจ๔ อันมี ทุกข์ ,สมุหทัย(อวิชชาและตัณหา-เหตุเกิดทุกข์), นิโรธ(นิพพานคือความดับทุกข์) และหนทางการดำเนินปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ มีแปดข้อ คือ มรรคอันมีองค์๘ ประการ
........วงล้อแห่งธรรม(ธรรมจักร) ทรงตรัสให้ช่วยกันเข็นกงล้อธรรมจักรห้ำหั่นหมู่มาร ซึ่งมารนั้นมิใช่มารอื่นไกลที่ใด มารที่ทรงตรัสถึง คือ มารภายในที่เรียกว่า อุปาทานขันธ์๕
........“.....ดูก่อนภิกษุ บุคคลผู้ยังยึด รูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ มั่นอยู่ ก็ต้องถูกมารมัดไว้ เมื่อไม่ยึดมั่น จึงหลุดพ้นจากมาร.... ........“.....ดูก่อนภิกษุ เมื่อบุคคล คิดสร้างภาพ (ศัพท์บาลีใช้คำว่า “มญฺญมาโน”ภาษาไทยแปรว่า “สำคัญ” ฉบับอังกฤษใช้คำว่า imagining แปลว่า “คิดสร้างภาพ” ซึ่งชัดกว่า) รูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ อยู่ก็ต้องถูกมารมัดไว้ เมื่อไม่คิดสร้าง จึงหลุดพ้นจากบ่วงมาร ........“.....ดูก่อนภิกษุ เมื่อบุคคลเพลิดเพลินรูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ อยู่ ก็ต้องถูกมารมัดไว้ เมื่อไม่เพลิดเพลิน จึงพ้นจากมาร.... อุปาทิยสูตร มัญญมานสูตร อภินันทมานสูตร ขันธ. สํ. (๑๓๙, ๑๔๐ ,๑๔๑) ตบ. ๑๗ : ๙๑-๙๔ ตท. ๑๗ : ๗๙-๘๒ ตอ. K.S. ๓ : ๖๔-๖๕
หัวข้อธรรมที่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยพึงทำความเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้น
องค์ประกอบขันธ์ ๕ ขันธ์(ภาษาบาลี) หมายถึงความเป็นกลุ่ม ก้อน กอง(ภาษาไทย) โดยลักษณะ ๕ อย่าง คือ ........รูป คือ ร่างกายที่ประกอบขึ้นจากมหาภูตรูป๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ........เวทนา คือ ความรู้สึกทางกาย สุข ,ทุกข์, เฉย (ไม่ทุกข์ไม่สุข- อทุกขมสุขเวทนา) ........สัญญา คือ ความทรงจำ ความหมายรู้ในความรู้สึก การกำหนดรู้หมายได้ ........สังขาร คือ ความปรุงแต่งสร้างจินตภาพทางจิตใจอาศัยความรู้สึก และความทรงจำเป็นองค์ประกอบทางความปรุงแต่งทางจิต ไหลไปสู่วจีวาจา ความวิตก วิจารณ์ ตรึกตรอง และความปรุงแต่งทางร่างกายอิริยบทอันอาศัยองค์ประกอบภายในจากดิน น้ำ ไฟ ลม ชีวิตสันตติ ........วิญญาณ คือ สภาพความรับรู้ที่เสริมสร้างตัวผู้รู้ให้แก่จิต ทำให้เกิดเป็นนามรูป สภาพรับรู้อารมณ์ประสาทสัมผัสทั้ง๖ คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
........องค์ประกอบที่ปรุงแต่งล้วนอาศัยเหตุและปัจจัยมาประชุมรวมกัน ณ ขณะหนึ่งๆ เป็นขันธ์สภาพธรรม(สภาวธรรม) การก่อเกิดซึ่งปฏิกิริยาจิต แปรไปสู่ความชอบ ความชัง(อภิชฌาและโทมนัส) สาเหตุ็มาจากความถือมั่นยึดมั่น(อุปาทาน) ภายในจิตใจบุคคลภายใน ซึ่งก่อให้เพลิงทุกข์ซึ่งจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นกับกิเลสทุกข์ที่สั่งสมมา เรียกว่า อาสวะอนุสัย
........อาสวะอนุสัย คือ กิเลสทุกข์ ที่์หมักดองก้นบึ้งภายใต้จิตในส่วนที่ลึก โดย ตกตะกอน สะสมมาจากชีวิตที่ผ่านมาจากชีวิตหนึ่งสู่อีกชีวิตหนึ่ง ซึ่งสะสมนอนเนื่องอยู่ พร้อมที่จะกระเพื่อมขึ้้นมาสู่พื้นผิวเพื่อปรุงแ่ต่งจิตก่อทุกข์ และพร้อมกันนั้นก็เก็บสะสมเพิ่มได้ทุกขณะ เมื่อใดที่มีเหตุปัจจัยมาประชุมรวมกันจากการกระทบผัสสะ เมื่อ ตาเห็นรูป ,หูได้ยินเสียง, จมูกรับกลิ่น ลิ้นรับรส กายสำผัสเย็น-ร้อน,แข็ง-อ่อน ฯ และใจรับธรรมารมณ์
........อุปาทาน คือความยึดมั่นในขันธ์๕ ซึ่งก่อจากอาสวะอนุสัยภายในจิตเป็นปัจจัย จึงมักเรียกรวมกันว่า อุปาทานขันธ์ ๕
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 มิถุนายน 2013, 15:47:41 โดย ♥$♥ ไพลิน ♥$♥ »
|
|
|
|